a

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer. Proin gravida nibh vel velit auctor aliquet. Aenean sollicitudin, lorem quis bibendum.

+ 0800 2466 7921

[email protected]
34th Avenue New York, W2 3XE

Recent Posts

Follow Us On Instagram

เสริมหน้าอก (Update 2022!) เช็คให้ชัวร์ รู้ให้ถูก สวยได้อย่างปลอดภัย

เสริมหน้าอก (Update 2022!) เช็คให้ชัวร์ รู้ให้ถูก สวยได้อย่างปลอดภัย

ในปัจจุบันถึงแม้ว่าการผ่าตัดศัลยกรรมจะถูกพัฒนาด้วยนวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถคาดหวังได้ทั้งผลลัพธ์ที่สวยงาม และความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ อีกทั้งการศัลยกรรมเสริมหน้าอกก็ยังคงเป็นตัวเลือกการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอยู่เรื่อยๆในทุกปี ที่อาจไม่ใช่เพียงแค่เพศหญิงเท่านั้นอีกต่อไปที่สนใจที่จะเสริมหน้าอก เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงอยากที่จะนำความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการ “ศัลยกรรมเสริมหน้าอก” ที่เรียกได้ว่าเป็นข้อมูลรากฐานของการหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจศัลยกรรมเสริมหน้าอกมาให้ได้ทราบกันค่ะ

ทางเลือกรูปแบบการเสริมหน้าอก

การผ่าตัดเสริมหน้าอกในปัจจุบันนั้น สามารถแบ่งเป็น 2 แบบ หลักๆที่นิยมกัน

  1. การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน (Breast Implant Augmentation)
  2. การเสริมหน้าอกด้วยไขมันของตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) ซึ่งเป็นการเสริมหน้าอกอีกหนึ่งวิธีที่ใครหลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงเพราะใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเราเอง อีกทั้งยังสามารถลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้อย่างดี(เพราะต้องดูดออกมาเพื่อฉีดเสริมหน้าอก) หรือจะเป็นตัวเลือกสำหรับการ ‘เติมเต็ม’ แก้ปัญหาจุดบกพร่องบริเวณหน้าอกต่างๆ(อกห่าง,หย่อนคล้อย,ปรับเนินอก ฯลฯ) ก็ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

หรือจะเป็นเทคนิคพิเศษของหมออู๋ ที่นำทั้งสองเทคนิคมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน โดยเรียกเทคนิคนี้ว่า “Hybrid” ซึ่งเป็นการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน พร้อมกับฉีดไขมันเสริมเข้าไปเพื่อเก็บรายละเอียด ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับผลลัพธ์ของการเสริมหน้าอกได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

ประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก

ปัจจุบันสำหรับวงการเสริมหน้าอกเกือบทั้งหมดของซิลิโคนที่นิยมใช้จะเป็นแบบเจลกันหมดแล้วแต่อาจจะต่างกันตรงที่ลักษณะชั้นผิวภายนอกของซิลิโคนประเภทต่างๆ ซึ่งมีดังนี้

  1. ผิวทราย (Textured)
  2. ผิวเรียบ (Smooth)

อีกทั้งยังมีทรงของซิลิโคนให้เลือกอีกมากมายให้เหมาะสมกับลักษณะความชอบและโครงสร้างของร่างกาย แต่ที่นิยมกันมากที่สุดก็คงเป็น ทรงกลม (Round) และ ทรงหยดน้ำ (Teardrop)
ยังรวมถึงขนาดของซิลิโคนที่มีให้เลือกตามความเหมาะสมและความชอบของเราอีกด้วยค่ะ

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนวัฒกรรมของซิลิโคนนั้นจะถูกพัฒนามาให้มีความปลอดภัยสูง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น แต่คำแนะนำสำหรับสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับหน้าอกที่ดีที่สุดก็คือ ควรกลับเข้ามาเช็คสุขภาพของหน้าอกและซิลิโคนหลังการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกไปแล้วในทุกๆ 5 ปี ด้วยเครื่อง “MRI เพื่อตรวจเช็คความผิดปกติของซิลิโคนภายในร่างกาย” ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพและหน้าอกสวยๆของเราได้ดีที่สุดค่ะ

วิธีเลือกซิลิโคนที่เหมาะกับตัวเรา

ทั้งนี้ควรสำรวจความต้องการของตัวเองในเบื้องต้นมาก่อนว่าต้องการที่จะเลือกขนาด(Size) ซิลิโคนที่อยากจะเสริมหน้าอกประมาณไหน และบอกถึงความต้องการให้ศัลยแพทย์ได้รับรู้ เพื่อที่จะประเมินความเป็นไปได้โดยใช้ข้อมูลเหล่านี้มาประเมินร่วมด้วย ได้แก่

  • ขนาดความสูงและความกว้างของช่วงหน้าอก
  • เนื้อหน้าอกเดิม อาทิเช่น ความหย่อนคล้อย ความหนาของผิวหนัง รวมถึงไขมันบริเวณรอบๆหน้าอก

ทั้งนี้การเลือกขนาดของซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมหน้าอกให้เหมาะสมกับขนาดพอดีตัว ก็จะช่วยให้เป็นผลดีกับสุขภาพในระยะยาวของตัวเราเอง เช่น ช่วยลดอาการปวดหลังเรื้อรัง เนื่องจากมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่จนเกินพอดีไม่เหมาะสมกับ ส่วนสูง, น้ำหนัก ฯลฯ และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจสร้างความรำคาญใจให้อีกด้วยค่ะ

เทคนิคผ่าตัดเสริมหน้าอก

ในปัจจุบันเทคนิคที่ศัลแพทย์นิยมใช้กันมากที่สุดก็คือเทคนิคการผ่าตัด “ใต้ราวนม” เพราะเป็นเทคนิคที่สามารถจัดวางตำแหน่งของซิลิโคนได้อย่างถูกต้อง เสียเลือดน้อย แผลเล็ก และฟื้นตัวเร็ว

ด้วยเทคนิคเฉพาะ และประสบการณ์ในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกของ หมออู๋ ที่มีมามากกว่า 15ปี จึงทำให้หมออู๋สามารถซ่อนแผลผ่าตัดได้อย่างเรียบเนียนสนิท เจ็บน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติได้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับอกสวยคู่ใจคู่ใหม่ และความมั่นใจที่มีมากขึ้นกว่าเดิม

การตำแหน่งของซิลิโคน

โดยทั่วไปแล้วการวางตำแหน่งซิลิโคนจะอยู่บริเวณใต้กล้ามเนื้อหรือใต้เนื้อหน้าอก ซึ่งปัจจัยในด้านความเหมาะสมสำหรับการวางแผนผ่าตัดของแต่ละบุคคลนั้น ศัลยแพทย์จะมีการแนะนำตำแหน่งที่เหมาะสมต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้

  • ความหนาของเนื้อบริเวณหน้าอกเดิม
  • ความหย่อนคล้อยของหน้าอก
  • ลักษณะของทรวงอก

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมเสริมหน้าอก

  1. ตรวจเช็คความพร้อมของสภาพร่างกายและหน้าอก ที่มีความเกี่ยวข้องสำหรับการผ่าตัด เช่น ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ฯลฯ
  2. งดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด
  3. หยุดยาและอาหารเสริมที่รับประทานบางชนิดก่อนการผ่าตัด ตามคำแนะนำของศัลแพทย์
  4. งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด

สำหรับในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดเสริมหน้าอกนี้ ด้วยความใส่ใจในแบบฉบับของ ‘ศัลยแพทย์เฉพาะทาง’ หมออู๋จึง เพิ่มโปรแกรมตรวจเช็คสุขภาพเต้านมด้วยเครื่อง Ultrasound – Mammogram ฟรี ที่ โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม
*ซึ่งหากพบความผิดปกติของสุขภาพเต้านม คุณหมออาจเสนอทางเลือกในการเสริมหน้าอก พร้อมกับการรักษาไปควบคู่กันได้ค่ะ

ขั้นตอนการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

  1. เริ่มจากมีวิสัญญีแพทย์ทำการให้ดมยาสลบก่อนเริ่มการกระบวนการในขั้นตอนการผ่าตัด
  2. ศัลยแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดตามที่ได้วางแผนก่อนการผ่าตัดเอาไว้
  3. โดยที่การผ่าตัดเสริมหน้าอก อาจใช้เวลาอยู่ที่ระหว่าง 1.30 – 2 ชั่วโมง เป็นส่วนมาก

ภาวะแทรกซ้อนหลังเสริมหน้าอก และ(ข้อควรสังเกตหากผิดปกติ)

  • อาการบวมที่อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติ และจะสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ
  • แผลอักเสบ ติดเชื้อ
  • มีเลือดออกจากแผลผ่าตัด
  • คลำเจอก้อนนูนบริเวณหน้าอก
  • ถ้ามีอาการ คลื่นไส้อาเจียน สาเหตุอาจเป็นผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ
  • รวมถึงผลข้างเคียงจากการเสริมหน้าอกในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเกิดพังผืดหดรัดซิลิโคน การเคลื่อนตำแหน่งเดิมของซิลิโคน หน้าอกหย่อนคล้อย

หากพบอาการผิดปกติที่อาจมีข้อสังเกตดังที่กล่าวมา ในเบื้องต้นควรรีบขอคำปรึกษาจากศัลยแพทย์เจ้าของไข้ หรือควรรีบเข้าพบแพทย์โดยด่วนเพื่อทำการรักษา ไม่ควรชะล่าใจหรือเฝ้าดูอาการเป็นระยะเวลานานๆนะคะ

การดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก

  1. ในช่วงสัปดาห์แรกสามารถอาบน้ำได้ แต่ไม่ควรถูหรือให้แผลผ่าตัดโดนน้ำตรงๆเนื่องจากจะทำให้ฟิล์มกันน้ำที่แปะแผลอยู่หลุดออกได้ และข้อควรระวังในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการลงไปแช่ในน้ำหรือว่ายน้ำในสระ
  2. ควรพยายามใส่ Support bra เพื่อช่วยพยุงหน้าอกหลังการทำศัลยกรรมอย่างน้อย 1 เดือน และหลีกเลี่ยงการกดทับหรือกระแทกบริเวณหน้าอก และท่าการออกกำลังกายที่ใช้แขนเป็นหลักในช่วง 1 เดือนแรก
  3. งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมถึงของหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัดศัลยกรรม
  4. ในระยะแรกควรกลับเข้ามา Follow up ตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง ส่วนในระยะยาวควรกลับเข้ามาเช็คเต้านมและซิลิโคน ในทุกๆ 5 ปีหลังศัลยกรรมเสริมหน้าอก

สำคัญที่สุดนอกจากการหาข้อมูลก่อนทำศัลยกรรมในรอบๆด้านแล้ว การเลือกศัลยแพทย์ก็ยังถือว่ามีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะตั้งแต่ในกระบวนการขั้นตอนก่อนผ่าตัด การประเมินความเป็นไปได้ การใส่ใจให้คำแนะนำ การวางแผนผ่าตัด และประสบการณ์ในวิชาชีพ อีกทั้งยังรวมถึงสถานพยาบาลที่ต้องได้รับมาตรฐาน มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ทุกข้อมูลเหล่านี้ถือว่าได้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอกค่ะ